หลายคนตั้งใจดูแลสุขภาพด้วยการ “งดของหวาน” แต่พอห้ามตัวเองมากเกินไป ก็ยิ่งโหยจนเผลอกินมากกว่าเดิม จริง ๆ แล้ว… เราไม่จำเป็นต้องตัดขนมออกจากชีวิต แค่ลอง “เปลี่ยนวิธีกิน” ให้รู้ตัวมากขึ้น เข้าใจร่างกายมากขึ้นแนวคิดนี้เรียกว่า Mindful Eating การกินอย่างมีสติ อยู่กับทุกคำ ฟังเสียงร่างกาย และให้คุณค่ากับ “ความสุขจากการกินอย่างแท้จริง”

.

เรามี 3 เคล็ดลับเล็ก ๆ ที่ช่วยให้ “ขนมจานโปรด” กลายเป็นของอร่อยที่ดีต่อสุขภาพและใจไปพร้อมกัน

.

Mindful Eating คืออะไร ทำไมถึงช่วยให้สุขภาพดีขึ้น

“Mindful Eating” ไม่ใช่การคุมอาหาร แต่คือการ “ฟังร่างกาย” ว่าตอนนี้เราหิวไหม อิ่มหรือยัง และกินเพราะอะไร

หลักสำคัญคือ “อยู่กับทุกคำ”
ไม่กินเพราะความเครียด ไม่รีบกิน และไม่รู้สึกผิดหลังจากกินขนม

แนวคิดนี้ถูกพัฒนามาจากศาสตร์ด้านสุขภาพจิตและโภชนาการตะวันตก ซึ่งมีงานวิจัยมากมายยืนยันว่า ช่วยให้เรา
• ลดอาการกินเพราะอารมณ์ (Emotional Eating)
• ควบคุมปริมาณอาหารโดยไม่ต้องอด
• รู้สึกอิ่มไวขึ้นและพอใจมากขึ้น
• มีความสุขกับอาหารโดยไม่รู้สึกผิด

.

เคล็ดลับเริ่มต้นกินขนมแบบ Mindful Eating

1. กินช้า ๆ และเคี้ยวให้รู้รส

การกินช้า ๆ ช่วยให้สมองรับรู้ความอิ่มได้ทัน และทำให้เราได้สัมผัส “รสแท้” ของขนม ลองสังเกตดูสิว่า… แค่คุกกี้ข้าวโอ๊ตชิ้นเล็ก ๆ หรือบัวลอยถ้วยน้อย ถ้าเราค่อย ๆ เคี้ยว ก็จะสัมผัสถึงความหอมละมุนและความสุขที่ละเอียดกว่าที่เคย

.

2. เลือก “ขนมแท้จากธรรมชาติ” แทนของสำเร็จรูป

ขนมสุขภาพไม่จำเป็นต้องแพงหรือซับซ้อน แค่เลือกวัตถุดิบที่ดีต่อร่างกาย เช่น

  • ของที่มาจากธรรมชาติ 100% เช่น ผลไม้สด หรือถั่วเต็มเมล็ด
  • อาหารที่มีไฟเบอร์ และไขมันดี เพื่อให้ร่างกายอิ่มนาน ไม่ใช่แค่ความสุขจากน้ำตาลชั่วคราว
  • เลี่ยงส่วนผสมที่มาก เพราะแสดงว่ามีการแปรรูปสูง

.

3. กินพอดีคำ ไม่ต้องงด แต่อย่ากินเพราะอารมณ์

หลายคนกินขนมเพราะ “เหนื่อย เครียด หรือเบื่อ” แต่ถ้าลองหยุดสักนิดก่อนจะหยิบเข้าปาก แล้วถามตัวเองว่า “หิวจริงไหม หรือแค่ต้องการปลอบใจตัวเอง?” แค่คำถามง่าย ๆ นี้ ก็ช่วยให้เราเข้าใจทั้งร่างกายและใจได้มากขึ้น

.

• ตักขนมใส่จานเล็ก แทนการกินจากถุง เพราะ
เมื่อเราแบ่งขนมใส่จานในปริมาณพอดี จะมองเห็น “ขนาดจริง” ของสิ่งที่กำลังกิน และรู้ตัวมากขึ้นว่ากินไปเท่าไรแล้ว การกินจากถุงมักทำให้เผลอกินเกินโดยไม่รู้ตัว การตักใส่จานจึงช่วยให้เราค่อย ๆ เคารพความอิ่มของตัวเองได้ง่ายขึ้น

.

• วางช้อนลงหลังคำสุดท้าย เพราะ
เป็นจังหวะเล็ก ๆ ที่ช่วยให้สมองรับรู้ว่า “มื้อนี้จบแล้ว”
การวางช้อนคือการให้เวลาร่างกายได้ฟังสัญญาณของตัวเอง และเป็นเหมือนการขอบคุณที่เราได้กินของอร่อยอย่างมีสติ

.

สังเกตอารมณ์ระหว่างกิน เพราะ
อารมณ์ส่งผลต่อทั้งรสชาติและความรู้สึกของเราเสมอ
ถ้ากินตอนเครียด ของหวานอาจแค่ช่วยปลอบใจชั่วคราว แต่ถ้ากินด้วยใจที่สงบและมีความสุข เราจะสัมผัสรสอร่อยได้ลึกกว่า และไม่รู้สึกผิดหลังจากนั้นเลย

.

เพียงแค่เริ่มจาก “รู้ตัวในทุกคำที่กิน” ก็ทำให้ขนมชิ้นเดิม กลายเป็นช่วงเวลาเล็ก ๆ ที่อบอุ่นและดีต่อใจได้อย่างน่าแปลกใจเลยทีเดียว การกินขนมอย่างรู้ตัว ไม่ใช่การอด แต่คือการให้ความสำคัญกับ “ร่างกายและใจของเรา” แค่กินช้า ๆ เคี้ยวให้รู้รส และเลือกวัตถุดิบที่ดี ขนมทุกชิ้นก็กลายเป็นพลังบวกที่เติมเต็มชีวิตได้

ข่าวสารและความเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้อง

จากแบะแซในตำนาน สู่ “น้ำเชื่อมถุงฟ้า ตราปลาแฟนซีคาร์ฟ” ตัวช่วยใหม่ ที่จะทำให้ทุกเมนู อร่อยคงที่

15 พฤศจิกายน 2025

กว่า 35 ปี ที่เราผลิต แบะแซคุณภาพ ให้ทุกคนส่งต่อความอร่ […]